ESP32 และ ESP8266 เป็นชิป MCU ทั้งคู่ ชิปเหล่านี้มีอะไรเหมือนกันบ้างและความแตกต่างคืออะไร อันไหนมีประสิทธิภาพดีกว่ากัน?

ประการแรก ESP32 และ ESP8266 เป็นชิปโมดูล Wi-Fi ที่มีความคุ้มค่ามากซึ่งเหมาะมากสำหรับโครงการในด้าน Internet of Things (IoT) โดยที่ ESP32 ใช้โปรเซสเซอร์ 32 บิต เป็นโปรเซสเซอร์ CPU แบบ dual-core
160MHz ถึง 240MHz ในขณะที่ ESP8266 เป็นโปรเซสเซอร์แบบ single-core ที่มีความถี่ในการทำงาน 80MHz โมดูล WiFi ทั้งสองบอร์ดนี้มาพร้อมกับ GPIO และรองรับโปรโตคอลต่างๆ เช่น SPI, I2C และ UART ส่วนที่ดีที่สุดคือมาพร้อมกับเครือข่ายไร้สาย (WiFi) ซึ่งทำให้ไมโครคอนโทรลเลอร์แบบนี้แตกต่างจากไมโครคอนโทรลเลอร์อื่นๆ เช่น Arduino ซึ่งหมายความว่าเราสามารถควบคุมและตรวจสอบอุปกรณ์ของเราจากระยะไกลได้อย่างง่ายดายผ่านเทคโนโลยี WiFi หรือเทคโนโลยี Bluetooth (ESP32) ในราคาที่ต่ำมาก
การเปรียบเทียบข้อมูลจำเพาะ:
ESP32 ถูกพัฒนาต่อมาจาก ESP8266 ซึ่งชิป ESP32 เพิ่ม core CPU เพิ่มเติม เทคโนโลยีการส่งผ่าน WiFi ที่เร็วขึ้น และ GPIO มากขึ้น และรองรับโปรโตคอล Bluetooth 4.2 และ Bluetooth Low Energy นอกจากนี้ ชิป ESP32 ยังมาพร้อมกับ pin ที่ไวต่อการสัมผัส ซึ่งสามารถใช้เพื่อปลุก ESP32 ให้เข้าสู่โหมด Deep sleep มี hall-effect sensor ในตัว และเซ็นเซอร์อุณหภูมิในตัว
การเปรียบเทียบราคา:
ราคาของชิปทั้งสองมีราคาถูกมาก แต่ราคาของ ESP32 นั้นสูงกว่าเล็กน้อย นอกจากนี้เนื่องจาก ESP8266 ออกสู่ตลาดเป็นเวลานานจึงสามารถรองรับซอฟต์แวร์ได้มากกว่า ซึ่งจะสะดวกและเข้ากันได้กับ library ต่างๆมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ESP8266 มีข้อจำกัดในเรื่องของ GPIO และมี pin น้อยกว่า
การเปรียบเทียบ GPIO:
ESP32 มี GPIO มากกว่า ESP8266 และสามารถตั้งค่าโค้ดตาม pin ที่แตกต่างกันได้ (UART, I2C, SPI) เนื่องจาก multiplexing function ของชิป ESP32 ช่วยให้กำหนดหลายฟังก์ชันให้กับพินเดียวกันได้
สำหรับ analog pins เหล่านี้เป็นแบบคงที่ แต่ ESP32 รองรับการวัดบน 18 ช่องสัญญาณ ( pin เปิดใช้งาน analog) ในขณะที่ ESP8266 มี pin ADC 10 bit เพียงอันเดียว และ ESP32 ยังรองรับช่อง DAC 8 bit 2 ช่องด้วย นอกจากนี้ ESP32 ยังมี GPIO การตรวจจับแบบ capacitive sensing 10 ตัว ซึ่งสามารถตรวจจับการสัมผัสและสามารถใช้เพื่อกระตุ้นเหตุการณ์หรือปลุก ESP32 ให้เข้าสู่โหมดสลีปลึกได้
ESP32 มีประสิทธิภาพมากกว่า ESP8266 มี GPIO มากกว่าพร้อมฟังก์ชันที่หลากหลาย Wi-Fi ที่เร็วกว่า และยังรองรับ Bluetooth อีกด้วย หลายๆ คนคิดว่า ESP32 นั้นจัดการยากกว่า ESP8266 เพราะมันซับซ้อนกว่า แต่จริงๆ แล้วการเขียนโปรแกรม ESP32 นั้นง่ายพอๆ กับ ESP8266 โดยเฉพาะภาษา Arduino หรือ MicroPython
ที่มา1 : github
ที่มา2 : linkedin