จากตารางเป็นตัวอย่างค่า AWG บางค่าเท่านั้น อธิบายค่าต่างๆได้ดังนี้ |
• Conducter Diameter คือ ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางของตัวนำภายในสายไฟ (เฉพาะตัวนำ ไม่รวมปลอกหุ้ม) ยิ่งค่า AWG มาก ตัวนำก็จะยิ่งใหญ่ |
• Resistane คือ ความต้านทานภายในสายไฟ ยิ่งสายไฟเส้นเล็ก ความต้านทานก็จะมากขึ้นเรื่อยๆ ความต้านทานนี้มีผลกับความสามาถในการจ่ายกระแสให้วงจร และค่าความต้านทานมากๆ ยังเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักที่ทำให้สายไฟทนกระแสได้น้อย |
• Maximum Current for Chassis Wire คือ ปริมาณกระแสไฟฟ้าที่ทนได้ ตอนที่สายไฟเส้นนั้นแยกจากเส้นอื่น คำว่า Chassis Wire คือการต่อสายไฟแบบแยกนั่นเอง |
• Maximum Current for Power Transmission คือ ปริมาณกระแสไฟฟ้าที่ทนได้ ตอนที่เอาสายไฟมารวมกันเป็นกระจุก |
|
ข้อแตกต่างระหว่าง Chassis Wire กับ Power Transmission |
• เนืองจากสายไฟมีความต้านทานภายใน เมื่อมีกระแสไหลผ่านจะเกิดความร้อนสะสมขึ้นมา ซึ่งจากตารางจะเห็นได้ชัดเจนว่า การต่อสายไฟแบบ Chassis Wire จะสามารถทนกระแสได้มากกว่า Power Transmition เพราะแบบ Chassis Wire ,สายไฟแต่ละเส้น จะแยกจากกัน ทำให้ผิวของปลอกหุ้มสัมผัสกับอากาศได้มากกว่า บางครั้งอาจเรียกว่า Free Air Wiring จึงทำให้สายไฟมีการระบายความร้อนได้ดีกว่า จึงทนกระแสได้มากกว่าด้วย |
ในขณะที่การต่อสายไฟแบบ Power Transmition ซึ่งเป็นการต่อสายไฟแบบเป็นกระจุก ,สายแต่ละเส้นจะสัมผัสกับอากาศไม่เต็มที่ โดยเฉพาะเส้นที่อยู่ข้างในสุดอาจไม่ได้สัมผัสกับอากาศ จึงทำให้ระบายความร้อนได้ไม่ดี และทนกระแสได้น้อย
|